ความยากจนแฝงของครัวเรือน พ.ศ. 2564
ความยากจนแฝงของครัวเรือน พ.ศ. 2564 85 ในภาพรวมของการเปลี่ยนประเภทครัวเรือน ภายหลังการจำ �ลองสถานการณ์ (ตารางที่ 4.4) พบว่า เมื่อไม่มีสวัสดิการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และครัวเรือนสามารถปรับตัว ได้บางส่วน (สถานการณ์ S50) จะทำ �ให้มีครัวเรือนไม่ยากจนแฝง (ประเภทที่ 4) ลดลงจาก ร้อยละ 80.3 เป็นร้อยละ 77.1 หรือลดลงร้อยละ 3.2 ซึ่งในทางกลับกัน หมายความว่า สวัสดิการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในปัจจุบัน มีประสิทธิภาพสามารถเพิ่มครัวเรือนไม่ยากจนแฝง (ประเภทที่ 4) ขึ้นได้อีกร้อยละ 3.2 ซึ่งประมาณคร่าว ๆ ได้ที่จำ �นวน 7.2 แสนครัวเรือน* และถ้าหากไม่มีสวัสดิการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และครัวเรือนไม่สามารถปรับตัวได้เลย (สถานการณ์ S100) ซึ่งเป็นกรณีสุดโต่ง (Extreme Case) จะทำ �ให้มีครัวเรือนไม่ยากจนแฝง (ประเภทที่ 4) ลดลงจากร้อยละ 80.3 เป็นร้อยละ 73.8 หรือลดลงร้อยละ 6.5 ซึ่งหมายความว่า สวัสดิการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในปัจจุบัน มีประสิทธิภาพสามารถเพิ่มครัวเรือนไม่ยากจนแฝง (ประเภทที่ 4) ขึ้นได้อีกร้อยละ 6.5 ซึ่งประมาณคร่าว ๆ ได้ที่จำ �นวน 1.5 ล้านครัวเรือน* หรือเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับสถานการณ์ S50 นอกจากนี้ ในมิติของการขจัดความยากจนแฝงด้านอาหาร มีครัวเรือนที่ประสบ กับสถานการณ์ความยากจนแฝงด้านอาหาร ซึ่งคือ ครัวเรือนประเภทที่ 1 และ 2 รวมกัน ในสถานการณ์เดิม ร้อยละ 16.0 ของครัวเรือนตัวอย่างทั้งสิ้น โดยจะเพิ่มขึ้นเป็นรวมกัน ร้อยละ 19.7 เมื่อไม่มีสวัสดิการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และครัวเรือนสามารถปรับตัวได้บางส่วน (สถานการณ์ S50) และรวมกันเป็นร้อยละ 23.2 เมื่อไม่มีสวัสดิการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และ ครัวเรือนไม่สามารถปรับตัวได้เลย (สถานการณ์ S100) ซึ่งข้อมูลดังกล่าวนี้ สะท้อนให้เห็นว่า นโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ สามารถเข้าถึงครัวเรือนยากจนแฝงทั้งสองด้าน (ประเภทที่ 1) และครัวเรือนยากจนแฝงด้านอาหาร (ประเภทที่ 2) ซึ่งเป็นกลุ่มครัวเรือนที่สมควรได้รับ ความช่วยเหลือได้ดี แม้ว่านโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จะเป็นการให้เงินแก่ผู้สูงอายุทุกคน ตามหลักเกณฑ์ โดยไม่ได้คำ �นึงถึงเกณฑ์รายได้/ทรัพย์สินของผู้สูงอายุหรือสมาชิกใน ครอบครัวผู้สูงอายุ * คำ �นวณจากจำ �นวนครัวเรือนทั้งประเทศ 22,624,352 ครัวเรือน ซึ่งอ้างอิงมาจากค่าคาดประมาณจำ �นวนครัวเรือน ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2564
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy MTA3NzA0Nw==