ความยากจนแฝงของครัวเรือน พ.ศ. 2564

ความยากจนแฝงของครัวเรือน พ.ศ. 2564 98 ด้านที่ไม่ใช่อาหาร (ประเภทที่ 3) ที่ระดับความเชื่อมั่น 99% ได้แก่ ไม่ซื้อเสื้อผ้าใหม่ ไม่ซื้อรองเท้าใหม่ ไม่ซื้อสินค้าเกี่ยวกับการบันเทิงฯ ไม่เดินทางท่องเที่ยว ไม่บริโภคนอกบ้าน ไม่ซื้ออาหารสำ �เร็จรูปมาบริโภคที่บ้าน มีปัญหาในการชำ �ระฯ ไม่มีคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อ อินเทอร์เน็ต ไม่มีเครื่องปรับอากาศ และไม่มีรถยนต์ฯ ส่วนตัวแปรอีก 3 ตัวที่ไม่มีผลต่อ การเป็นครัวเรือนยากจนแฝงด้านที่ไม่ใช่อาหาร (ประเภทที่ 3) ระดับความเชื่อมั่น 99% ได้แก่ ไม่ซื้อหรือผ่อนเฟอร์นิเจอร์ใหม่ มีหนี้นอกระบบที่กู้มาเพื่อใช้จ่ายอุปโภคบริโภค และ ไม่สามารถกู้เงินฉุกเฉินได้ เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบปัจจัยระหว่าง 2 แบบจำ �ลอง พบปัจจัยที่น่าสนใจ เนื่องจากให้ผลในทางตรงข้ามกัน ได้แก่ การไม่มีรถยนต์ฯ่ มีร์ ฯ กล่าวคือ ถ้าครัวเรือนไม่เป็น เจ้าของรถยนต์ จะมีโอกาสที่จะเป็นครัวเรือนยากจนแฝงด้านอาหาร (ประเภทที่ 2) ลดลง แต่จะมีโอกาสที่จะเป็นครัวเรือนยากจนแฝงด้านที่ไม่ใช่อาหาร (ประเภทที่ 3) เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่า การไม่ซื้อรองเท้าใหม่ และการไม่ซื้อสินค้าเกี่ยวกับการบันเทิงฯ ไม่มีผลต่อการเป็นครัวเรือนยากจนแฝงด้านอาหาร (ประเภทที่ 2) แต่มีผลในแง่ของการ เพิ่มโอกาสที่จะเป็นครัวเรือนยากจนแฝงด้านที่ไม่ใช่อาหาร (ประเภทที่ 3) ส่วนในทางกลับกัน การมีหนี้นอกระบบที่กู้มาเพื่อใช้จ่ายอุปโภคบริโภค และการไม่สามารถกู้เงินฉุกเฉินได้ มีผลต่อในแง่ของการเพิ่มโอกาสที่จะเป็นครัวเรือนยากจนแฝงด้านอาหาร (ประเภทที่ 2) แต่ไม่มีผลต่อการเป็นครัวเรือนยากจนแฝงด้านที่ไม่ใช่อาหาร (ประเภทที่ 3) การจำ �ลองสถานการณ์ (Scenario) เกี่ยวกับสวัสดิการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โดยเน้นไปที่ผลกระทบทางด้านอาหารต่อครัวเรือน (ผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายด้านอาหาร ของครัวเรือน) พบว่า หากไม่มีสวัสดิการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และครัวเรือนไม่สามารถปรับตัว หาเงินส่วนอื่นมาทดแทนเบี้ยยังชีพที่หายไปได้ ซึ่งเป็นกรณีสุดโต่ง (Extreme Case) จะทำ �ให้มีครัวเรือนไม่ยากจนแฝง (ประเภทที่ 4) ลดลงจากร้อยละ 80.3 เป็นร้อยละ 73.8 หรือลดลงร้อยละ 6.5 นั่นคือ ภายใต้สมมติฐานนี้ สวัสดิการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในปัจจุบัน มีประสิทธิภาพสามารถเพิ่มครัวเรือนไม่ยากจนแฝง (ประเภทที่ 4) ขึ้นได้มากถึง ร้อยละ 6.5้ การจำ �ลองสถานการณ์ (Scenario) ำ �์

RkJQdWJsaXNoZXIy MTA3NzA0Nw==