ความยากจนแฝงของครัวเรือน พ.ศ. 2564
ความยากจนแฝงของครัวเรือน พ.ศ. 2564 99 ในกรณีที่เมื่อไม่มีสวัสดิการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ แต่ครัวเรือนสามารถปรับตัวหาเงิน ส่วนอื่นจำ �นวนร้อยละ 50 ของเบี้ยยังชีพที่หายไปมาทดแทนได้ ของจำ �นวนเบี้ยยังชีพ ผู้สูงอายุที่หายไป จะทำ �ให้มีครัวเรือนไม่ยากจนแฝง (ประเภทที่ 4) ลดลงจากร้อยละ 80.3 เป็นร้อยละ 77.1 หรือลดลงร้อยละ 3.2 ซึ่งในทางกลับกันหมายความว่า ภายใต้สมมติฐานนี้ สวัสดิการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในปัจจุบัน มีประสิทธิภาพสามารถเพิ่มครัวเรือนไม่ยากจนแฝง (ประเภทที่ 4) ขึ้นได้อีก ร้อยละ 3.2้ เมื่อทำ �การจำ �ลองสถานการณ์ (Scenario) เฉพาะ ครัวเรือนเฉพาะผู้สูงอายุ ัืููุ้ พบว่า ถ้าหากไม่มีสวัสดิการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และครัวเรือนเฉพาะผู้สูงอายุไม่สามารถ ปรับตัวหาเงินส่วนอื่นมาทดแทนเบี้ยยังชีพที่หายไปได้ จะทำ �ให้มีครัวเรือนไม่ยากจนแฝง (ประเภทที่ 4) ลดลงจากร้อยละ 80.3 เป็นร้อยละ 62.7 หรือลดลงร้อยละ 17.6 ซึ่งหมายความว่า ภายใต้สมมติฐานนี้ สวัสดิการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในปัจจุบัน มีประสิทธิภาพ สามารถเพิ่มครัวเรือนไม่ยากจนแฝง (ประเภทที่ 4) ขึ้นได้สูงมากถึง ร้อยละ 17.6 ้ ของ ครัวเรือนเฉพาะผู้สูงอายุ ส่วนถ้าไม่มีสวัสดิการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ แต่ครัวเรือนเฉพาะผู้สูงอายุ สามารถ ปรับตัวหาเงินส่วนอื่นจำ �นวนร้อยละ 50 ของเบี้ยยังชีพที่หายไปมาทดแทนได้ จะทำ �ให้มี ครัวเรือนไม่ยากจนแฝง (ประเภทที่ 4) ลดลงจากร้อยละ 80.3 เป็นร้อยละ 71.5 หรือ ลดลงร้อยละ 8.8 ซึ่งหมายความในทางกลับกันได้ว่า ภายใต้สมมติฐานนี้ สวัสดิการ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในปัจจุบัน มีประสิทธิภาพสามารถเพิ่มครัวเรือนไม่ยากจนแฝง (ประเภท ที่ 4) ซึ่งเป็นครัวเรือนที่หลุดพ้นความยากจน ได้อีก ร้อยละ 8.8 ้ ของครัวเรือนเฉพาะ ผู้สูงอายุ 5.2 ข้อเสนอแนะเชิงโยบาย (Policy Recommendations)้ อิ ง ในปี 2564 ครัวเรือนที่ตกเกณฑ์มาตรฐานการครองชีพขั้นต่ำ �ด้านใดด้านหนึ่ง หรือครัวเรือนยากจนแฝงประเภทที่ 1 – 3 มีสัดส่วนรวมกันอยู่ที่ประมาณร้อยละ 20 โดยเมื่อเปรียบเทียบกับครัวเรือนยากจนของประเทศไทยในปี 2564 ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 1 ข้อเสนอแนะที่ 1้ อี่
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy MTA3NzA0Nw==