เขตเศรษฐกิจพิเศษประเทศไทย พ.ศ. 2568
The Thailand Special Economic Zones 2025 199 สรุปมิติด้านเศรษฐกิจ ในปี 2566 พบว่าครัวเรือนในพื้นที่ เขตพัฒนาพิเศษภาค ตะวันออก (EEC) เป็นพื้นที่ที่ครัวเรือนมีรายได้ทั้งสิ้นเฉลี่ยต่อเดือน ของครัวเรือนสูงที่สุด (33,796 บาท) ซึ่งสูงกว่าภาพรวมของประเทศ ในขณะที่พื้นที่ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน (SEZs) มีรายได้ ทั้งสิ้นเฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือนน้อยที่สุด (22,375 บาท) โดยเมื่อจ� าแนกรายได้ของครัวเรือนตามแหล่งที่มาของรายได้ พบว่าครัวเรือนในพื้นที่ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีสัดส่วน รายได้ที่มาจากค่าจ้างและเงินเดือนสูงที่สุด (ร้อยละ 58.8) ครัวเรือน พื้นที่ ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (NEC) มีสัดส่วนรายได้ ที่มาจากก� าไรสุทธิจากการท� าธุรกิจสูงที่สุด (ร้อยละ 22.3) ส� าหรับ ครัวเรือนในพื้นที่ ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) มีสัดส่วน รายได้ที่มาจากก� าไรสุทธิจากการท� าเกษตรสูงที่สุด (ร้อยละ 25.5) เศรษฐกิจของครัวเรือนในเขตเศรษฐกิจพิเศษประเทศไทย ในปี2565 เมื่อพิจารณาGPPในเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง6กลุ่ม จะพบว่าพื้นที่ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เป็นพื้นที่ ที่มี GPP สูงกว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษกลุ่มอื่น (2,698,343 ล้านบาท) ในขณะที่ พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (NEC) เป็นพื้นที่ ที่มี GPP น้อยที่สุด (516,819 ล้านบาท) โดยเมื่อพิจารณาผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อหัวประชากร (GPP Per Capita) ในเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 6 กลุ่ม พบว่าพื้นที่ เขต พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด ต่อหัวประชากรสูงที่สุด (686,131 บาทต่อปี) แต่กลับพบว่า พื้นที่ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน (SEZs) มีผลิตภัณฑ์ มวลรวมจังหวัดต่อหัวประชากรน้อยที่สุด (112,302 บาทต่อปี) ซึ่งมีค่าความแตกต่างกันถึง 6.1 เท่า นอกจากนี้ ในปี 2566 การลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ทั้ง 6 กลุ่ม พบว่าพื้นที่ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีมูลค่ าการขอรับการลงทุนสูงที่สุด (379,766 ล้ านบาท) ในขณะที่พื้นที่ ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) มีมูลค่า การขอรับการลงทุนน้อยที่สุด (2,727 ล้านบาท)
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy MTA3NzA0Nw==