
สปค. คืออะไร
สำมะโนประชากรและเคหะ (สปค.) คือ การเก็บรวบรวมข้อมูลประชากรทุกคน ในประเทศ ตามที่อยู่จริง และที่อยู่อาศัยของประชากรทุกคน ตามที่อยู่จริง ซึ่งเป็นเสมือนการฉายภาพนิ่ง ณ วันสำมะโน (วันที่กำหนดขึ้นเพื่อใช้เป็นเวลาอ้างอิง)
สปค. ของไทย
สำมะโนประชากรและเคหะของประเทศไทย ประเทศไทยได้จัดทำสำมะโนประชากรมาแล้ว 10 ครั้ง จัดทำ ครั้งแรกเมื่อปี 2452 โดยครั้งที่ 1 ถึง ครั้งที่ 5 จัดทำโดยกระทรวงมหาดไทย (เรียกว่า สำมะโนครัว) และครั้งที่ 6 เป็นต้นมา
สปค. ของไทย
สำมะโนประชากรและเคหะของประเทศไทย ประเทศไทยได้จัดทำสำมะโนประชากรมาแล้ว 10 ครั้ง จัดทำครั้งแรกเมื่อปี 2452 โดยครั้งที่ 1 ถึง ครั้งที่ 5 จัดทำโดยกระทรวงมหาดไทย (เรียกว่า สำมะโนครัว)
ประวัติ สปค.
ประเทศไทยเริ่มดำเนินการนับจำนวนประชากรเป็นครั้งแรกในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ. 2448 ซึ่งทำได้ครอบคลุมพื้นที่ในเขตบริหาร 12 มณฑล จากทั้งหมด 17 มณฑล ที่สังกัดกระทรวงมหาดไทย

สำมะโนนับใครบ้าง ?
- คนไทยทุกคนที่อยู่ในประเทศไทย
- คนไทยที่ไปต่างประเทศชั่วคราว
- คนต่างชาติที่อยู่เกิน 3 เดือน

การเก็บรวบรวมข้อมูล ?
- ประชากร ทุกคนในประเทศ ตามที่อยู่จริง
- ที่อยู่อาศัยจริงของประชากรนั้น
- สำมะโน จะจัดทำทุก 10 ปี
การจัดทำสำมะโนประชากรและเคหะ
- ท่านเข้าไปตอบข้อมูลทาง Internet
- ท่านให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์
- ท่านกรอกแบบสอบถามเอง แล้วส่งคืนทางไปรษณีย์/นัดหมายให้เจ้าหน้าที่ไปรับที่บ้านท่าน
การทำสำมะโนต้องใช้เจ้าหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูล ประมาณ 70,000 คน แต่สำนักงานสถิติแห่งชาติ มีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ จึงต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยเก็บข้อมูล เช่น เจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน อบต. เจ้าหน้าที่เทศบาล เป็นต้น
ทุกภาคส่วน (ภาคราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาชนสังคม) ต้องเห็นความสำคัญ และประโยชน์ของการทำสำมะโน และให้ความร่วมมือในการตอบสัมภาษณ์ และร่วมกันประชาสัมพันธ์งานสำมะโนฯ
ให้ความร่วมมือในการตอบสัมภาษณ์ตามความเป็นจริง และถูกต้อง
ทะเบียนราษฎร์ เป็นข้อมูลในทะเบียนบ้าน ซึ่งมีบางคนมีชื่อในทะเบียนบ้าน แต่ตัวจริงไม่ได้อยู่ตามทะเบียนบ้าน ในขณะที่บางคนไม่ได้มีชื่อในทะเบียนบ้านที่ตัวเองอาศัยอยู่ แต่ตัวจริงอยู่ในบ้านนั้น ทำให้การวางแผนงานด้านสาธารณูปโภค ในพื้นที่ใด แล้วใช้ข้อมูลจากทะเบียน อาจทำให้ไม่เพียงพอกับประชากรในพื้นที่นั้น
1. เพื่อให้รัฐบาลกำหนดนโยบาย/วางแผนด้านประชากร เศรษฐกิจและสังคม ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ตามความต้องการ/ จำเป็นของท้องถิ่น (เทศบาล หมู่บ้าน อบต.) ซึ่งข้อมูลในระดับย่อย ไม่สามารถหาได้จากแหล่งอื่น เช่น
- ในพื้นที่ที่มีประชากรอยู่มาก จำเป็นต้องมีสาธารณูปโภคให้เพียงพอและถูกสุขลักษณะ
(ที่อยู่อาศัย น้ำ/ไฟ การบริการสาธารณสุข รถประจำทาง ที่ทิ้งขยะ และอื่นๆ)
- ในพื้นที่ที่มีเด็ก คนชรา คนพิการ
- ต้องมีโรงเรียน/ครู ที่เพียงพอและเหมาะสม
- ต้องมีวัคซีนสำหรับเด็กแต่ละวัยให้เพียงพอ
- ต้องจัดสวัสดิการให้เพียงพอกับคนด้อยโอกาส (คนชรา คนพิการ)
- ในพื้นที่ที่มีแรงงานต่างด้าวอยู่หนาแน่น/แออัด
- จำเป็นต้องจัดบริการสาธารณสุขให้เพียงพอ เพื่อป้องกันโรคระบาดหรือโรคติดต่อบางประเภทที่หายไปจากประเทศไทยแล้วแต่กลับมาใหม่กับแรงงานต่างด้าว เช่น โรคเท้าช้าง วัณโรค
2. ภาคเอกชนสามารถใช้ข้อมูลความหนาแน่นของประชากรในพื้นที่ต่างๆ ประกอบการตัดสินใจใน การทำธุรกิจ ตั้งร้านค้า หรือขยายกิจการ
3. ใช้เป็นฐานในการคาดประมาณประชากรในอนาคต
4. ใช้ในการประเมินผลแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550-2554) และ เตรียมแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555-2559)
ประชากรทุกคนที่อยู่ในประเทศไทย ในวันที่ทำสำมะโน และคนต่างชาติที่มาอยู่ในประเทศไทย ตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป
- ครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2452 ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2462 ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2472 ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2480 ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2490 5 ครั้งแรกเป็นการทำสำมะโนโดยกระทรวงมหาดไทย
- สำนักงานสถิติแห่งชาติ ทำสำมะโนประชากรครั้งแรก พ.ศ. 2503 จัดทำทุก 10 ปี และตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 เป็นต้นไป ได้ทำสำมะโนเคหะพร้อมกับการทำสำมะโนประชากรร่วมด้วย
- ในปี พ.ศ. 2553 ถือเป็นการทำสำมะโนประชากร ครั้งที่ 11 และสำมะโนเคหะ ครั้งที่ 5
การเก็บรวบรวมข้อมูลของสิ่งที่สนใจทั้งหมดทั้งประเทศ เช่น คน ที่อยู่อาศัย การเกษตร การทำประมง ธุรกิจการค้า
การเก็บรวมรวบข้อมูลเกี่ยวกับประชากรทุกคนในประเทศตามที่อยู่จริง รวมทั้งข้อมูลที่อยู่อาศัยของประชากร เพื่อนำเสนอผลในภาพรวมของประเทศ ในระดับหมู่บ้าน เทศบาล ตำบล อำเภอ จังหวัด และประเทศ
เพื่อประเทศจะได้มีข้อมูลประชากรตามที่อยู่จริงในแต่ละท้องที่ เพื่อนำมากำหนดนโยบาย และวางแผนงานในการระดับท้องถิ่น เพื่อพัฒนาประเทศ
ทำทุก 10 ปี ในปี 2553 เป็นครั้งที่ 11 และเป็นวาระครบ 100 ปี ของการทำสำมะโนประชากรของประเทศไทย